คุณค่าทางสถาปัตยกรรม
ศาลเจ้าเกียนอันเกง
ศาลเก่า...ไม้เก่า...มาเล่าใหม่
“กาลครั้งหนึ่ง ช่วงเวลาสายๆของวันปกติ
ครอบครัวของผมได้พากันมาไหว้สักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ตั้งอยู่ตามแม่น้ำเจ้าพระยา
พ่อได้พาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินในซอยเก่า ผ่านชุมชนที่จอแจ มีบ้านเรือนอยู่เบียดเสียดติดกันอย่างหนาแน่น
พอเดินออกมาพ้นจากซอกซอยก็พบกับทางเดินยาวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในแม่น้ำมีเรือมากมายต่างๆนาๆสัญจรกันอย่างคับคั่ง
เรือยนต์แล่นผ่านผิวน้ำพาคลื่นซัดมากระแทกตามฝั่งส่งเสียงดังอึกทึกคึกโครม แล้วก็พากันเดินเลาะตามริมฝั่งแม่น้ำต่อไปเรื่อยๆ
จนเสียงที่ดังอึกทึกได้จางหายแผ่วเบาไป และแล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็กลับกลายเป็นลานกว้างของศาลเจ้าเก่าอันสงบ”
และนี่ก็คือการต้อนรับจากศาลเจ้าเกียนอันเกงที่ผมได้รู้จัก...
 |
| ลานด้านหน้าศาลเจ้าเกียงอันเกง |
...และการทักทายต่อมาที่ตามมาติดๆ
ก็คือรูปแบบสถาปัตยกรรมศาลเจ้าจีนอันเก่าแก่ ที่ยังคงเหลือร่องลอยของศิลปะปูนปั้นอันงดงาม
ทั้งโครงสร้างปูนที่ผสมผสานอยู่ร่วมกับไม้เก่าที่เป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลของศาลเจ้าแห่งนี้
 |
| รูปภาพประกอบ กระถางธูปในศาลเจ้า |
ประวัติศาลเจ้าเกียนอันเกง
ประวัติศาลเจ้าเกียนอันเกงแต่ดั้งเดิมนั้นไม่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ตามคำบอกเล่าสืบทอดกันมาจากผู้ใหญ่
กล่าวกันว่าเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นโดยคนจีนที่ตามเสด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ปากคลองบางหลวง
หรือคลองบางกอกใหญ่ทางฝั่งตะวันออก
เมื่อคราวที่พระองค์ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานี
ครั้นต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายพระนครหลวง
ไปตั้งยังฝั่งพระนคร
คนจีนเหล่านี้ได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ฝั่งพระนครบริเวณตลาดน้อยมาจนจรดสามเพ็ง
ศาลเจ้าที่สร้างในสมัยนั้นมีอยู่สองศาล ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน
จะมีชื่อว่ากระไรไม่ปรากฏ
 |
| รูปภาพประกอบ เจ้าพ่อกวนอู |
ศาลหนึ่งประดิษฐานเจ้าพ่อโจวซือกง ส่วนอีกศาลนั้นประดิษฐานเจ้าพ่อกวนอู
เมื่อคนจีนย้ายไปอยู่ที่ฝั่งพระนครแล้ว
ศาลเจ้าทั้งสองศาลนี้ก็ถูกทอดทิ้งชำรุดทรุดโทรมลง ครั้นเมื่อเจ้าพระยานิกรบดินทร
เจ้าสัวโต ต้นสกุลกัลยาณมิตร อุทิศที่บ้าน
กับซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อสร้างวัดกัลยาณมิตร ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 ซึ่งเป็นปีที่
2 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ชาวจีนจากมณฑลฮกเกี้ยน
ตำบลเจียงจิว และจัวจิว ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของ สกุลตันติเวชกุล และ สกุลสิมะเสถียร ได้เดินทางมากราบไหว้ที่ศาลเจ้าทั้งสองนี้
ครั้นแลเห็นชำรุดทรุดโทรมหนักก็ไม่คิดที่จะซ่อมแซม แต่ได้ร่วมกันรื้อศาลเจ้าทั้งสองแต่เดิมนั้นลง
แล้วสร้างศาลเจ้าใหม่ ในที่เดิมเป็นศาลเดียว แต่จะอัญเชิญเจ้าพ่อโจวซือกง
และเจ้าพ่อกวนอูไปประดิษฐานที่ใดไม่ปรากฏ
ส่วนศาลเจ้าที่สร้างใหม่ได้เปลี่ยนองค์พระประธานเป็นเจ้าแม่กวนอิม
และชื่อศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นชื่อที่ใช้ติดต่อสืบมาจนปัจจุบันว่า “ศาลเจ้าเกียนอันเกง”
 |
| รูปภาพประกอบ องค์เจ้าแม่กวนอิม |
ศาลเจ้าเกียนอันเกง
สร้างเสร็จเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่ 25 ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิกวงสือของประเทศจีน
แล้วได้อัญเชิญเจ้าแม่กวนอิม มาประดิษฐานเป็นพระประธานตั้งแต่บัดนั้น
พร้อมกับระฆังใบใหญ่ซึ่งแขวนประจำอยู่จนทุกวันนี้
และจากระฆังใบนี้เองปรากฏอักษรจารึกเป็นความว่า เป็นระฆังที่ผู้มีจิตศรัทธา
ได้ร่วมใจกันหล่อถวายเจ้าแม่กวนอิมที่แซฮุนเต็ง
เมื่อรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิเต้ากวง จากหลักฐานที่จารึกดังกล่าวแสดงว่า
เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีอายุมากกว่าศาลเจ้าเกียนอันเกง
ส่วนแซฮุนเต็งอันเป็นศาลเจ้าเดิมที่ประดิษฐานนั้นอยู่ในมณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน
เป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮกเกี้ยน
ส่วนการรื้อศาลเจ้าเดิมทั้งสองศาล แทนที่จะซ่อมแซมให้มั่นคงเหมือนเดิม
สันนิษฐานว่า บรรพบุรุษที่เดินทางมาจากมณฑลฮกเกี้ยนในครั้งนั้น
มีความเห็นว่าเมื่อเจ้าสัวโตสร้างซัมปอกง (หลวงพ่อโต) ขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อให้เหมือนกับวัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ก็สมควรที่จะสร้างศาลเจ้าแม่กวนอิมขึ้นคู่กับซัมปอกง
เพราะเจ้าแม่กวนอิมเป็นองค์อุปถัมภ์การข้ามน้ำข้ามทะเลของซัมปอกง
จึงไม่คิดที่จะซ่อมแซมศาลเจ้าสองหลังเดิม แต่ได้ช่วยกันรื้อลง
แล้วสร้างขึ้นใหม่เป็นศาลเดียว แล้วไปอัญเชิญเจ้าแม่กวนอิมจากแซฮุนเต็ง
มาประดิษฐานแทน
ในเวลาต่อมา ศาลเจ้าเกียนอันเกง กรุงเทพมหานคร ได้รับ รางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี ๒๕๕๑ ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม จาก สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์
 |
| ภาพประกอบ ASA vernadoc รูปด้าน ด้านหน้า ศาลเจ้าเกียนอันเกง |
หลังจากการจากลาเมื่อนานมาแล้ว
และแล้วก็ได้โอกาสกลับมาเยือนอีกครั้ง และนี่คือเรื่องราวการเดินทางกลับมาเยี่ยมเยียนศาลเจ้าแม่กวนอิม
ศาลเจ้าเกียงอันเกง อีกครั้งหนึ่ง
แต่การเดินทางครั้งนี้จะใช้เส้นทางต่างจากเมื่อครั้งก่อน...
 |
| เริ่มด้วยการเดินทางผ่านตรอกวังหลัง |
 |
| ภายในตรอกวังหลังยังคงมีอาคารไม้เก่าให้เห็นเป็นระยะๆ |
 |
| เห็นแล้วก็จัดไปหนึ่งขีด |
 |
| ผู้คนเดินจับจ่ายกันจอแจ |
 |
| ระหว่างเส้นทาง จะผ่านวัดที่สำคัญๆ ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา |
 |
| กำแพงกุฏิวัดวัดระฆังโฆสิตาราม |
 |
| ด้านหน้า วัดระฆังโฆสิตาราม |
 |
| ศาลาริมน้ำ ท่าเรือวัดระฆังโฆสิตาราม |
 |
| ฝูงนกบินวนไปวนมา |
 |
| ชื่นชมกับบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา |
 |
| ชุมชนริมฝั่งตรงข้าม |
 |
แล้วก็ขึ้นเรือโดยสาร ไปท่าวัดกัลยาณมิตร เป็นตั๋วเรือแบบเหมาจ่ายสามารถเดินทางไปวัดได้ 3 แห่ง
เพื่อไหว้พระ ได้แก่ วัดระฆังโฆสิตาราม ,วัดอรุณราขวรารามวรวิหาร ,วัดกัลยาณมิตร |
 |
ระหว่างนั่งเรือ จะผ่านสถานที่สำคัญๆหลายแห่ง
พระบรมหาราชวัง |
 |
| ราชนาวิกสภา |
 |
| และก็มาถึงท่าเรือวัดกัลยาณมิตร |
 |
| ด้านหน้า วัดกัลยาณมิตร |
 |
| ซอยทางเข้า ศาลเจ้าเกียนอันเกง |
 |
| ร้านค้าขายธูปเทียน ภายในซอกซอยระหว่างทาง |
 |
| ประตูทางเข้าด้านข้าง ศาลเจ้า |
 |
| แล้วก็มาถึง ณ ลานหน้าศาลเจ้าเกียนอันเกง |

ด้วยเหตุที่ว่าศาลเจ้าแห่งนี้เต็มไปด้วยผลงานศิลปะอันวิจิตรบรรจงจากฝีมือช่างในอดีต ซึ่งยังคงสภาพสมบูรณ์เป็นส่วนมาก โดยในส่วนที่ชำรุดไม่ว่าจากสภาพธรรมชาติ หรือจากการกระทำจากมนุษย์ จะเห็นได้ว่ามีการพยายามซ่อมแซมให้คืนสภาพใกล้เคียงของเดิมที่สุด ทั้งด้วยวิธีการและวัสดุแบบดั้งเดิม หรือด้วยเทคนิคใหม่แต่ทำอย่างแนบเนียน แต่ถึงกระนั้นก็อาจยังไม่ทันกาล เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการซ่อมแซมตามสภาพมิใช่การป้องกัน และคุณค่ามหาศาลที่ไม่อาจมีอะไรมาทดแทนได้ซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้คราบคร่ำกำลังทรุดโทรมลงทุกส่วนพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักไม้ จิตรกรรมฝาผนังและบนบานประตู ลวดลายปูนปั้น รวมทั้งระบบโครงสร้างแบบจีนโบราณ ซึ่งหากได้มีการอนุรักษ์ตามวิธีการที่ถูกต้องในคราวเดียวกันสักครั้งโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก็อาจชะลอให้ความเสื่อมสลายยืดเวลาออกไปได้อีกหลายปี
 |
| จดจำความงดงามผ่านมือของตัวเอง |
จากการได้ศึกษาวิเคราะห์ คาดว่า ศาลเจ้าเกียนอังเกงเป็นโครงสร้างหลังคาแบบจีนทางตอนใต้
ใช้ระบบเสาและคานรัด (THE COLUMN AND TIEBEAM STRUCTURAL SYSTEM) ภาษาจีนจะเรียกว่า
“ฉวนโตว่ซือ” (穿斗式:Chuan dou shi) ระบบนี้เสาจะถูกวางเรียงไปตามทางลึกของอาคาร
โดยมีการเว้นระยะห่างของเสาเท่ากัน และจะไม่มีการวางคานพาดผ่านเสาเหล่านี้
แต่จะวางแปกลมไว้บนยอดของเสาแทน
และระบบของโครงสร้างหลังคาจะถูกสร้างจากการใช้คานรัดที่วางทะลุสอดผ่านเสาเพื่อเชื่อมเสาทั้งหมดเข้าด้วยกันซึ่งคานนี้จะถูกวางเป็นชั้นๆลดหลั่นไปถึงยอดหลังคา
 |
| หลังคาศาลเจ้า มีการลดหลั่นอย่างเห็นได้ชัด |
 |
| โถงปากประตูทางเข้าศาลเจ้า ด้านบนเป็นคานไม้แกะสลัก ปราณีตสวยงาม |
 |
| ป้ายไม้แกะสลัก บนวงกบประตู |
 |
| ภายในของศาลเจ้า มีการเปิดโถงกลางแจ้งตรงกลางอาคาร |
 |
| การเชื่อมต่อกันระหว่างโครงสร้างคานไม้ กับ ผนังปูน |
 |
| การพาดกันของโครงสร้างหลังคาไม้ |
งานศิลปกรรมจีนของศาลเจ้าแห่งนี้ ที่สะดุดตาที่สุดก็คือ งานแกะสลักไม้
และงานตุ๊กตาประดับผนัง
 |
| ช่องบานหน้าต่างทรงกลมแกะสลักไม้ และงานปูนปั้นประดับผนัง |
 |
| งานแกะสลักหัวไม้ (ลักษณะคล้ายกับค้างคาวห้อยหัว) |
 |
| มุมมองจากศาลเจ้า ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา |
 |
| ประตูทางเข้าศาลเจ้า |
 |
| มุมมองจากทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา |
 |
| สภาพชุมชนโดยรอบศาลเจ้าเกียนอันเกง |
หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมเยียนศาลเจ้าเกียงอันเกงอีกครั้ง
ความรู้สึกในความประทับใจ และความซาบซึ้งในงานศิลปะและสถาปัตยกรรมอันเป็นเสน่ห์ที่หาได้ยาก
จนทำให้ตระหนักชัดเจนว่า “สถาปัตยกรรม นั้นไม่สามารถแยกออกจาก ศิลปะ
ได้อย่างสิ้นเชิง” ก็ยังคงอยู่ลึกในจิตใจของผม และก็ยิ่งเพิ่มทวีความรู้สึกหวนแหนในมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ
ที่ได้หลงเหลือสิ่งสวยงามไว้ให้คนรุ่นหลังอย่างผมไว้ได้ชื่นชม
สุดท้ายนี้ก็หวังไว้ว่ารายงานชิ้นนี้อาจจะก่อเกิดประโยชน์ต่อท่านผู้ชมไม่มากก็น้อย
และรายงานชิ้นนี้อาจจะมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ใน ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอขอบคุณ ศาลเจ้าเกียนอังเกง
http://vernadoc.multiply.com/journal/item/7
https://sites.google.com/site/sudjitprofile/internal-blog/salceakeiynxankeng
http://www.oknation.net/blog/fools/2009/08/23/entry-1
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/05/K9205784/K9205784.html
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4986.0
นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจร.