วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิชาชีพสถาปนิกในทรรศนะคติของข้าพเจ้า


Professional Practice Assignment #1
"วิชาชีพสถาปนิกในทรรศนะคติของข้าพเจ้า"
ปฐมบท
“ผมเป็นคนชอบวาดรูป ผมเรียนสายวิทย์ และผมชอบฝันกลางวัน...แล้วอะไร...? อะไรที่จะเหมาะกับเราในตอนนี้”   นี่คือโจทย์สมการที่ผมใคร่ครวญคิดหาคำตอบให้กับตัวเองในชีวิตตอนเรียนมัธยมปลาย...ว่าสิ่งใดที่จะเหมาะกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่ในตอนนั้น...
แล้ววันหนึ่งผมได้ค้นพบว่าสิ่งที่น่าจะเหมาะ และสามารถที่จะทำให้ผมยังคงเป็นตัวของตัวเองอยู่ได้  นั่นคือการเรียนสถาปัตย์  จากคำแนะนำและการชักชวนของอาจารย์กับเพื่อนของผมจึงทำให้ผมได้ตัดสินใจที่จะเรียน  ติวสถาปัตย์
ช่วงฝึกฝนเตรียมตัว
จากคำแนะนำจากอาจารย์จึงทำให้ผมได้มาลงเรียนติวสถาปัตย์ ณ สถาบันติวแห่งหนึ่งแถววังหลัง  ในวันแรกของการเรียนติวสถาปัตย์ของผม  ผมจำได้แม่นเลยว่าพี่ติวของผมพูดออกมาว่า “มึงมาเรียนทำไมวะ รู้มั้ยว่ามันเหนื่อย เรียนลำบาก เสียเงินเยอะ จบมาทำงานไม่ได้เงิน โดนโกง...!@#$%ฯลฯ  บ่นด่าไปต่างๆนาเกี่ยวกับข้อเสียของการเรียนสถาปัตย์  ในใจของผมตอนนั้นก็คิดแค่ว่ามันคงเป็นแค่การทดสอบกำลังใจ  ผมจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมัน  ในตอนนั้นผมคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้ผมสามารถสอบติดคณะสถาปัตย์ที่ผมต้องการได้
ผมมุ่งมั่นเรียนติวสถาปัตย์ต่อเนื่องตั้งแต่ ม.4 จนกระทั่งถึง ม.6  พอถึงช่วงใกล้สอบพี่ติวของผมได้แนะนำมหาวิทยาลัยและสถาบันที่เปิดสอนคณะสถาปัตย์ที่มีชื่อเสียงที่น่าจะไปเรียนต่อในอนาคต  และที่ที่ผมอยากจะเข้าไปเรียนและสนใจก็มีทั้งหมด3แห่ง แต่ที่เปิดสอบตรงกลับมีเพียง2แห่ง นั่นก็คือศิลปากร กับลาดกระบัง  ในตอนนั้นผมวางแผนไว้ว่าจะไปสอบตรงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ภาควิชาสถาปัตยกรรมของทั้ง 2 แห่ง และจะต้องทำคะแนนความถนัดความถนัดสถาปัตย์ให้ได้มากเพื่อที่จะยื่นสอบกลางได้ด้วย

หลังจากการสอบตามสถานที่ต่างๆเสร็จสิ้น  ผมพบว่าแผนที่ผมได้วางเอาไว้นั้นไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์  เพราะคะแนนความถนัดสถาปัตย์ของผมไม่ได้สูงอย่างที่ผมตั้งใจเอาไว้  และคะแนนรวมอาจไม่พอสำหรับยื่นสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้  ผมจึงคาดหวังไว้กับการสอบตรงอย่างมากหวังว่าจะติดสอบสัมภาษณ์ของทั้ง2แห่ง  พอถึงวันประกาศผลสอบตรง ผมได้เปิดดูประกาศทางอินเตอร์เน็ตและหาชื่อของผมว่าจะสอบติดสัมภาษณ์หรือไม่  แต่แล้วผมก็ไม่พบชื่อของตัวเองเลยทั้ง2แห่ง  ในตอนนั้นผมมีความรู้สึกเครียด และกดดันเป็นอย่างมากว่าจะทำยังไงต่อไปดี?
จนกระทั่งวันหนึ่งก่อนสอบสัมภาษณ์สถาปัตย์ลาดกระบัง 3 วัน  เพื่อนของผมโทรมาแสดงความยินดีกับผมที่ได้สอบสัมภาษณ์ที่ลาดกระบัง  พอผมได้ยินในสิ่งที่เพื่อนผมบอก(ในตอนนั้นผมคิดว่ามันต้องเป็นการเล่นตลกแกล้งกันแน่ๆ) ผมโกรธและโมโหด่าเพื่อนไป  จนกระทั่งเพื่อนท้าให้ผมลองตรวจดูลายชื่ออีกครั้งหนึ่ง  และนั่นเองละครับอยู่ดีๆก็มีชื่อของผมอยู่ในรายชื่อสอบสัมภาษณ์สถาปัตย์ลาดกระบังจริงๆ!!!  ตอนนั่นผมทั้งดีใจ และเสียดายพร้อมทั้งกระวนกระวายเป็นอย่างมาก  เพราะผมเหลือเวลาในการทำผลงานยื่นเพื่อเอาไปใช้ในตอนสอบสัมภาษณ์แค่ 3 วัน!!!!!  เวลาอีกไม่ถึง72ชั่วโมงหลังจากนั้นผมจึงตั้งหน้าตั้งตาผลิตผลงานออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้  จนถึงคืนก่อนวันสอบสัมภาษณ์ผมยังนั่งทำผลงานจนถึง ตีพอถึงเช้าค่ำวันสอบสัมภาษณ์ผมออกเดินทางจากบ้านที่อยู่ฝั่งธนบุรีเพื่อมาสอบสัมภาษณ์ที่ลาดกระบัง  ในเช้าวันนั้นผมได้มาพร้อมกับความตื่นเต้นและหวั่นไหว  แต่พอมาถึงหน้าห้องสอบสัมภาษณ์  ช่วงเวลานั้นผมก็ได้คิดในใจว่า ”ถึงแม้ว่าเราไม่ได้เตรียมตัวมาดี  แต่ก็อาศัยเอาความหน้าด้าน และความตั้งใจแทนละกันวะ” แล้วผมก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องสอบพร้อมกับความมั่นใจ  และคำถามแรกในการสอบของผมคือ คุณจะไว้ผมยาวมั้ย?!!!...หลังจากการสอบเสร็จสิ้นลงผมเดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม  และผมได้ตระหนักแล้วว่า  การเรียนสถาปัตย์มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว...

ช่วงปี1-4
ในช่วงเวลานี้ผมไม่สามารถที่จะบรรยายเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาได้ทั้งหมด  เพราะผมเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงที่จะต้องส่งบทความชุดนี้ก่อนเที่ยงคืน  ดังนั้นผมจึงจะขอสรุปช่วงชีวิตในการเรียนแต่ละชั้นปีสั้นๆว่า  ผมเหนื่อยกายแต่สบายใจ
จนถึงวันนี้ ที่ได้เริ่มเรียนวิชาการประกอบวิชาชีพ  ผมมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาชีพสถาปนิกนั้นเป็นอาชีพหนึ่งที่คอยให้บริการและรับใช้สังคม  โดยไม่ได้อาศัยแค่ความรู้ทางด้านการออกแบบเพียงอย่างเดียว  แต่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย
สถาปนิก Idol ของผมคือ  รศ.วิวัฒน์ เตมียพันธ์ (อ.จิ๋ว)

สุดท้ายนี้  วันนี้ผมก็ได้พบกับโจทย์สมการใหม่ในชีวิตของผม  “ผมชอบวาดรูป  ผมเรียนสถาปัตย์  และผมชอบฝันกลางวัน”?!!!